ปัญหาขาดอาหารและโรคอ้วนในเด็กทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะรุนแรงขึ้น
ปัญหาขาดอาหารและโรคอ้วนในเด็กทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะรุนแรงขึ้น
ปัญหาขาดอาหารและโรคอ้วนในเด็ก
ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะรุนแรงขึ้น
#natural production #research
องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ แนะให้ลดเกลือในอาหาร… ลดความดัน ลดเครียด
องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ แนะให้ลดเกลือในอาหาร… ลดความดัน ลดเครียด
การกินน้ำตาลในปริมาณมากมีผลเสียต่อสุขภาพเด็ก
การกินน้ำตาลในปริมาณมากมีผลเสียต่อสุขภาพเด็ก ผลการศึกษาชิ้นล่าสุดชี้ว่าเด็กที่รับประทานน้ำตาลน้อยลงจะมีอาการของโรคในกลุ่มเมตาโบลิคซินโดรมน้อยลง การกินน้ำตาลในปริมาณมากมีผลเสียต่อสุขภาพเด็ก ผลการศึกษาชิ้นล่าสุดชี้ว่าเด็กที่รับประทานน้ำตาลน้อยลงจะมีอาการของโรคในกลุ่มเมตาโบลิคซินโดรมน้อยลง
ผลการศึกษานี้ตีพิมพ์ในวารสาร Obesity เมื่อไม่นานมานี้ เป็นผลงานของทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย University of California San Francisco กับมหาวิทยาลัย Touro University California เปิดเผยว่า การกินน้ำตาลน้อยลงช่วยลดระดับไขมันในกระเเสเลือด ลดอาการความดันโลหิตสูง ตลอดจนโรคในกลุ่มเมตาโบลิคซินโดรม โดยไม่ต้องลดปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายได้รับหรือโดยไม่ต้องลดน้ำหนักตัว คุณ Robert Lusting ผู้เชี่ยวชาญด้านต่อมไร้ท่อในเด็กที่ Benioff Children’s Hospital San Francisco แห่งมหาวิทยาลัย University of California San Francisco หรือ UCSF ซึ่งเป็นสมาชิกทีมวิจัยกล่าวว่า การศึกษาชิ้นนี้ช่วยยืนยันได้ว่าน้ำตาลมีผลเสียต่อระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายและส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ในกลุ่มเมตาโบลิคซินโดรม ผลการศึกษานี้ถือเป็นข้อมูลที่หนักแน่นมากที่สุดเท่าที่มีมา ซึ่งชี้ให้เห็นผลเสียของน้ำตาลต่อร่างกายโดยไม่เกี่ยวข้องกับปริมาณพลังงานที่ร่างกายได้รับหรือความอ้วน ด้านคุณ Jean-Marc Schwarz ผู้เชี่ยวชาญแห่งวิทยาลัยการแพทย์ Osteopathic Medicine มหาวิทยาลัย Touro University California ซึ่งเป็นสมาชิกในทีมวิจัยกล่าวว่าผลการศึกษานี้มีความสำคัญมากและช่วยเน้นย้ำความจำเป็นที่ผู้ปกครองควรใส่ใจกับปริมาณน้ำตาลที่ลูกรับประทาน ทีมนักวิจัยทำการศึกษาเรื่องนี้ด้วยการเฝ้าติดตามเด็ก 43 คน อายุระหว่าง 9-18 ปี ที่ป่วยด้วยโรคเรื้อรังในกลุ่มเมตาโบลิคซินโดรมโรคใดโรคหนึ่ง ในการศึกษา เด็กๆ ได้รับอาหารที่ควบคุมระดับน้ำตาลนานเก้าวัน และอาหารดังกล่าวมีปริมาณแป้งเพิ่มมากขึ้นเพื่อคงระดับไขมัน โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และปริมาณพลังงานหรือแคลอรี่ที่ได้รับ ให้เท่ากับระดับที่เด็กๆ ได้รับก่อนหน้าการวิจัย ทีมนักวิจัยชี้ว่าจากปริมาณพลังงานทั้งหมดที่เด็กๆ ได้รับ เป็นน้ำตาลราว 10-28 เปอร์เซ็นต์และปริมาณ Fructose ราว 4-12 เปอร์เซ็นต์ ทีมนักวิจัยชี้ว่าหลังจากลดปริมาณน้ำตาลที่ผสมในอาหารลง เด็กๆ บอกว่ารู้สึกอิ่มมากกว่าเดิม ทั้งๆ ที่อาหารควบคุมน้ำตาลให้ปริมาณแคลอรี่แก่ร่างกายเท่าเดิมเพียงแต่ลดปริมาณน้ำตาลลงเท่านั้น เด็กบางคนในการทดลองบอกว่ารู้สึกว่าได้รับปริมาณอาหารมากกว่าเดิม คุณ Robert Lusting นักวิจัยชี้ว่าผลการศึกษานี้ได้ผลที่น่าพอใจมาก เด็กๆ ในการทดลองมีระดับความดันโลหิตลดลง ระดับไขมันในเส้นเลือดต่ำลงและการทำงานของตับดีขึ้น เขากล่าวว่าปัญหาสุขภาพต่างๆ ที่เกิดจากความบกพร่องของระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายเริ่มดีขึ้น เพียงแค่ทดแทนน้ำตาลในอาหารแปรรูปด้วยคาร์โบไฮเดรต โดยไม่ต้องลดน้ำหนักตัวหรือออกกำลังกายแต่อย่างใด ทีมนักวิจัยชี้ว่าการศึกษานี้เเสดงให้เห็นว่า แคลอรี่ไม่ใช่ตัวสร้างปัญหาสุขภาพ แต่แหล่งที่มาของแคลอรี่ต่างหากที่เป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพ และการศึกษานี้ชี้ว่าแคลอรี่ที่มาจากน้ำตาลสร้างผลเสียต่อสุขภาพมากที่สุด เพราะจะถูกแปลงเป็นไขมันในตับ นำไปสู่อาการต้านอินซูลินและกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดโรคเบาหวาน โรคหัวใจและโรคตับตามมา ที่มา : http://www.voathai.com/content/kids-sugar-tk/3074539.html ผลการศึกษานี้ตีพิมพ์ในวารสาร Obesity เมื่อไม่นานมานี้ เป็นผลงานของทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย University of California San Francisco กับมหาวิทยาลัย Touro University California เปิดเผยว่า การกินน้ำตาลน้อยลงช่วยลดระดับไขมันในกระเเสเลือด ลดอาการความดันโลหิตสูง ตลอดจนโรคในกลุ่มเมตาโบลิคซินโดรม โดยไม่ต้องลดปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายได้รับหรือโดยไม่ต้องลดน้ำหนักตัว คุณ Robert Lusting ผู้เชี่ยวชาญด้านต่อมไร้ท่อในเด็กที่ Benioff Children’s Hospital San Francisco แห่งมหาวิทยาลัย University of California San Francisco หรือ UCSF ซึ่งเป็นสมาชิกทีมวิจัยกล่าวว่า การศึกษาชิ้นนี้ช่วยยืนยันได้ว่าน้ำตาลมีผลเสียต่อระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายและส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ในกลุ่มเมตาโบลิคซินโดรม ผลการศึกษานี้ถือเป็นข้อมูลที่หนักแน่นมากที่สุดเท่าที่มีมา ซึ่งชี้ให้เห็นผลเสียของน้ำตาลต่อร่างกายโดยไม่เกี่ยวข้องกับปริมาณพลังงานที่ร่างกายได้รับหรือความอ้วน ด้านคุณ Jean-Marc Schwarz ผู้เชี่ยวชาญแห่งวิทยาลัยการแพทย์ Osteopathic Medicine มหาวิทยาลัย Touro University California ซึ่งเป็นสมาชิกในทีมวิจัยกล่าวว่าผลการศึกษานี้มีความสำคัญมากและช่วยเน้นย้ำความจำเป็นที่ผู้ปกครองควรใส่ใจกับปริมาณน้ำตาลที่ลูกรับประทาน ทีมนักวิจัยทำการศึกษาเรื่องนี้ด้วยการเฝ้าติดตามเด็ก 43 คน อายุระหว่าง 9-18 ปี ที่ป่วยด้วยโรคเรื้อรังในกลุ่มเมตาโบลิคซินโดรมโรคใดโรคหนึ่ง ในการศึกษา เด็กๆ ได้รับอาหารที่ควบคุมระดับน้ำตาลนานเก้าวัน และอาหารดังกล่าวมีปริมาณแป้งเพิ่มมากขึ้นเพื่อคงระดับไขมัน โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และปริมาณพลังงานหรือแคลอรี่ที่ได้รับ ให้เท่ากับระดับที่เด็กๆ ได้รับก่อนหน้าการวิจัย ทีมนักวิจัยชี้ว่าจากปริมาณพลังงานทั้งหมดที่เด็กๆ ได้รับ เป็นน้ำตาลราว 10-28 เปอร์เซ็นต์และปริมาณ Fructose ราว 4-12 เปอร์เซ็นต์ ทีมนักวิจัยชี้ว่าหลังจากลดปริมาณน้ำตาลที่ผสมในอาหารลง เด็กๆ บอกว่ารู้สึกอิ่มมากกว่าเดิม ทั้งๆ ที่อาหารควบคุมน้ำตาลให้ปริมาณแคลอรี่แก่ร่างกายเท่าเดิมเพียงแต่ลดปริมาณน้ำตาลลงเท่านั้น เด็กบางคนในการทดลองบอกว่ารู้สึกว่าได้รับปริมาณอาหารมากกว่าเดิม คุณ Robert Lusting นักวิจัยชี้ว่าผลการศึกษานี้ได้ผลที่น่าพอใจมาก เด็กๆ ในการทดลองมีระดับความดันโลหิตลดลง ระดับไขมันในเส้นเลือดต่ำลงและการทำงานของตับดีขึ้น เขากล่าวว่าปัญหาสุขภาพต่างๆ ที่เกิดจากความบกพร่องของระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายเริ่มดีขึ้น เพียงแค่ทดแทนน้ำตาลในอาหารแปรรูปด้วยคาร์โบไฮเดรต โดยไม่ต้องลดน้ำหนักตัวหรือออกกำลังกายแต่อย่างใด ทีมนักวิจัยชี้ว่าการศึกษานี้เเสดงให้เห็นว่า แคลอรี่ไม่ใช่ตัวสร้างปัญหาสุขภาพ แต่แหล่งที่มาของแคลอรี่ต่างหากที่เป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพ และการศึกษานี้ชี้ว่าแคลอรี่ที่มาจากน้ำตาลสร้างผลเสียต่อสุขภาพมากที่สุด เพราะจะถูกแปลงเป็นไขมันในตับ นำไปสู่อาการต้านอินซูลินและกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดโรคเบาหวาน โรคหัวใจและโรคตับตามมา
ที่มา : http://www.voathai.com/content/kids-sugar-tk/3074539.html
โรคอ้วนทำให้ชาวอเมริกันใช้ยาตามใบสั่งแพทย์มากขึ้น
ผลการศึกษาชิ้นใหม่ชี้ว่าคนอเมริกันใช้ยาตามใบสั่งแพทย์มากขึ้นกว่าในอดีตเพื่อบำบัดโรคต่างๆ ที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากโรคอ้วน
ผลการศึกษาชิ้นล่าสุดชี้ว่าชาวอเมริกันในปัจจุบันใช้ยาตามใบสั่งแพทย์กันมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา เพื่อบำบัดโรคหลายโรครวมทั้งเบาหวานและความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นโรคที่เราสามารถป้องกันได้ Dr. Elizabeth Kantor ผู้เชี่ยวชาญแห่ง Sloan-Kettering Memorial Cancer Center กล่าวว่าการใช้ยาตามใบสั่งแพทย์เพื่อบำบัดโรคเหล่านี้สูงมาก ในกลุ่มคนอเมริกันที่อายุสูงขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มคนที่อายุ 65 ปีขึ้นไป แต่การวิจัยชิ้นนี้ศึกษาการใช้ยารักษาโรคที่มากับโรคอ้วนตามใบสั่งแพทย์ในกลุ่มคนอเมริกันอายุน้อยโดยเริ่มตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปอีกด้วย และผลที่ได้ออกมาคล้ายคลึงกัน Dr. Elizabeth Kantor ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การศึกษาพบว่ามีการใช้ยาควบคุมความดันเลือด เบาหวาน ไขมันในเส้นเลือด โรคซึมเศร้าเพิ่มมากขึ้นทั้งหมด และยาที่ใช้กันทั่วไปที่สุดคือยาประเภท statin ที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการอาการเส้นเลือดในสมองแตก หัวใจวายและโรคที่เกิดกับหลอดเลือดและหัวใจ การศึกษานี้พบว่าผู้ใหญ่ชาวอเมริกันเกือบ 8 เปอร์เซ็นต์กำลังใช้ยาชนิดนี้อยู่ในปัจจุบัน Dr. Elizabeth Kantor กล่าวว่าเมื่อศึกษายาที่ใช้กันทั่วไปอย่างน้อย 10 ชนิดในปี ค.ศ. 2011-2012 พบว่าคนอเมริกันใช้ยาเหล่านี้เพื่อบำบัดอาการป่วยที่เกี่ยวข้องกับโรคหลอดเลือดและหัวใจเช่นเดียวกับโรคอื่นๆ ที่นำไปสู่การเกิดโรคหัวใจ ทีมวิจัยยังพบด้วยว่า จำนวนคนอเมริกันที่ต้องใช้ยาหลายตัวเพื่อบำบัดอาการต่างๆ ได้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวภายในระยะเวลา 10 ปี ในการศึกษานี้ นักวิจัยวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยจำนวนมากเป็นเวลานานสองปี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1999 – 2000 และจากปี ค.ศ. 2011 – 2012 การศึกษานี้จัดทำโดยทีมนักวิจัยที่วิทยาลัยการแพทย์มหาวิทยาลัย Harvard และตีพิมพ์ในวารสาร Journal of the American Medical Association ไปเมื่อเร็วๆ นี้ ที่มา : http://www.voathai.com/content/health-us-rx-drugs-obesity-tk/3066274.html
ผลิตภัณฑ์ คูเน่ KuuNe Product
ประชาสัมพันธ์ บริษัท ปกธนพัฒน์ จำกัด ( ตรา คูเน่ )
Information Pokthanapath Co., Ltd. (KuuNe Brand)