มือถือ: 063 516 6296 โทร: 0 2956 6118 โทรสาร: 0 2956 6117 komcharne@gmail.com
อาหารฤดูร้อนห่างไกลพิษ

อาหารฤดูร้อนห่างไกลพิษ

ฤดู ร้อนมาเยือน อากาศอบอ้าว อุณหภูมิสูงปรี๊ด ช่างเหมาะแก่การเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ที่กระจายล่องลอยอยู่ในอากาศ ทั่วทุกแห่ง พอตกลงไปในอาหารก็ทำให้อาหารบูด เมื่อรับประทานอาหารนั่นเข้าไปก็ทำให้เกิดอาการท้องร่วงรุนแรงจนอาจถึงแก่ ชีวิตได้ อาหาร ปนเปื้อนในหน้าร้อนไม่ได้เกิดจากเชื้อจุลินทรีย์ เพราะอาการบูดเน่าและอาหารที่มีแมลงวันตอมเท่านั้น แต่การกินอาหารสุกๆ ดิบๆ และอาหารปนเปื้อนสารเคมี โลหะหนักเป็นพิษก็เป็นอันตรายต่อร่างกายและชีวิตของเราได้เหมือนกัน โรคที่พึงระวังในหน้าร้อนไม่พ้น โรคทางเดินอาหาร ต่างๆ ทั้งโรคท้องร่วง-อาหารเป็นพิษ-โรคไทฟอยด์-อหิวาตกโรค-โรคบิด อ.สง่า ดามาพงษ์ นักโภชนาการ และผู้จัดการแผนงานโภชนาการเชิงรุก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แนะ นำว่า โรคเหล่านี้มักมาในหน้าร้อน ซึ่งเป็นช่วงที่มีงานเทศกาล มีการท่องเที่ยวและการเดินทางมากขึ้น อย่างไรก็ตามโรคดังกล่าวเหล่านี้เป็นโรคที่ป้องกันได้ไม่ยาก หากเราใส่ใจ คิดให้ดีก่อนที่จะรับประทาน สำหรับอาหารที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคในหน้าร้อนมี 7ประเภท ดังนี้ 1.อาหารประเภทกะทิ เช่น แกงเขียวหวาน แกงเผ็ด ขนมพวกกะทิ ซึ่งเป็นอาหารที่ง่ายต่อการบูดเสีย เชื้อจุลินทรีย์ชอบ ดังนั้น ต้องมั่นใจว่าเป็นอาหารปรุงสุกใหม่ ถ้ากินไม่หมดต้องนำเข้าตู้เย็นแล้วนำมาอุ่น ทางที่ดีควรรับประทานให้หมดภายในมื้อเดียว ถ้าสามารถหลีกเลี่ยงไม่กินอาหารประเภทกะทิที่ไม่แน่ใจว่าจะปลอดภัยหรือไม่ โดยเฉพาะอาหารแผงลอย ริมฟุธบาตก็น่าจะลดความเสี่ยงได้มากทีเดียว 2.อาหารประเภทยำที่ มีเนื้อต่างๆ ทั้งหมู ไก่ ปลา อาหารทะเล รวมถึงส้มตำ สำหรับอาหารยำ ส่วนใหญ่จะใช้วิธีลวก แต่ลวกไม่สุกทำให้เชื้อโรคไม่ตาย หากรับประทานเข้าไปเชื้อโรคก็อาจเข้าไปขยายพิษในร่างกาย ส่วนส้มตำน่าจะเป็นอาหารไทยที่ทำให้คนท้องเดินมากที่สุด ทั้งปลาร้าที่ไม่ผ่านการต้มสุก ปูดองดิบๆ ที่เชื้อจุลินทรีย์ซ่อนอยู่ในขาปูที่เราชอบดูด รวมทั้งถั่วลิสงป่นที่มีเชื้ออัลฟาท็อกซิน กุ้งแห้งใส่สีที่ไม่ได้ล้าง มะเขือเทศ ถั่วฝักยาว มะละกอไม่ได้ล้างน้ำ ครกที่มีแมงลงวันตอม ซึ่งที่กล่าวมานี้ไม่ใช่กินไม่ได้ แต่ขอให้เราใส่ใจเลือกแค่นั้นก็ปลอดภัยแล้ว 3.ขนมจีน มี ความเสี่ยง ทั้งจากเส้นขนมจีน น้ำยากะทิ และผักสดที่ไม่ล้างหรือล้างไม่สะอาด เนื่องจากทั้งเส้นขนมจีนและกะทินั้นบูดง่ายมาก ส่วนผักไม่ว่าจะผักสด ผักดอง ก็ล้วนต้องระมัดระวัง 4.อาหารทะเล จะบูดเน่าง่ายในหน้าร้อน ก่อนกินต้องทำให้สุกทุกครั้ง โดยเฉพาะยำหอยแครง ปลาหมึก 5.อาหารค้างคืน หรืออาหารที่เหลือจากมื้ออื่น ต้องมั่นใจว่าไม่บูดเสีย และมีการอุ่นให้ได้ที่ ทางที่ดีควรกินอาหารปรุงสุกใหม่ทุกครั้ง 6.อาหารที่มีแมลงวันตอม สัก เกตได้ง่ายนิดเดียว โดยเฉพาะอาหารปรุงสำเร็จที่วางขายในภาชนะที่ไม่มีฝาและสิ่งใดปกปิด ที่สำคัญคงไม่ใช่แค่แมลงวันที่ไปไต่ตอม แต่พวกฝุ่นละออง เชื้อโรค ก็ร่วงหล่นลงไปในอาหารด้วย 7.น้ำดื่ม และน้ำแข็ง ต้อง มั่นใจว่าเป็นน้ำดื่มที่อาดได้มาตรฐาน อย. น้ำแข็งที่แช่ร่วมกับอาหารนั้นเสี่ยงต่อการทำให้ท้องร่วงมาก ขณะเดียวกันน้ำที่ใส่เหยือกหรือกาไว้ก็ไม่น่าไว้ว่างใจเช่นเดียวกัน “อาหาร ทั้ง 7 ประเภท ไม่ได้หน้าสะพรึงกลัวอย่างที่คิด เพียงแค่อยากให้เพิ่มความระมัดระวังให้มากในฤดูร้อน เพราะเป็นอาหารที่มีความเสี่ยงสูง เมื่อเปรียบเทียบกับอาหารทั่วไป” อ.สง่า  ดามาพงศ์ นักโภชนาการ และผู้จัดการแผนงานโภชนาการเชิงรุก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แนะนำ อย่าง ไรก็ตามความสุขจากการกินอาหารในหน้าร้อน คงไม่ได้มองเพียงเรื่องอาหารปลอดภัยเท่านั้น แต่จะต้องคำนึงถึงคุณค่าทางโภชนาการ และประเภทอาหารที่กินเข้าไปไม่ให้เพิ่มความรุ่มร้อน แต่ในทางตรงข้าม ได้เพิ่มความเย็นสบาย ด้วย โดยนักโภชนาการ มีข้อแนะนำในการรับประทานอาหารดังนี้ 1.ควร ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ เพราะหน้าร้อนร่างกายเสียเหงื่อมาก ต้องได้น้ำเข้าไปทดแทน จะเป็นน้ำเย็นหรือน้ำธรรมดาก็ได้ แต่ระมัดระวังน้ำอัดลม ดื่มได้แต่อาจเพิ่มแก๊สให้อึดอัดท้อง และเพิ่มน้ำตาลกลายเป็นพลังงานส่วนเกิน ทำให้อ้วนได้ ทางที่ดีในแต่ละวันควรดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้ว 2.หลีกเลี่ยงอาหารมันจัด หวานจัด และเค็มจัด อาหารที่มีไขมันสูงย่อยยาก ให้พลังสูง เพื่อความร้อนมากขึ้นได้ และ3.กินผลไม้ไทยๆ ที่มีรสหวานน้อยเป็นประจำช่วยดับร้อนได้ดีทั้งชมพู ส้ม แตงโม แก้วมังกร ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผลไม้ที่มีน้ำมากกว่า 90%4.รับประทานอาหารไทยๆ เช่น แกงเลียง แกงส้ม แกงป่า แกงอ่อม เป็นต้น 5. ออกกำลังกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ แกงกะทิ-ยำ อาหารที่ควรเลี่ยงในช่วงหน้าร้อน   อ.สง่า ยังแสดงความเป็นห่วงเด็กๆ ในช่วงปิดเทอม เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันเมื่อเด็กปิดเทอมนั้น เสี่ยงต่อการทำให้เกิดโรคอ้วน น้ำหนักขึ้น เพราะเมื่ออยู่บ้านเด็กมีอิสระในการกิน อาจทำให้เด็กกินอาหารมากและถี่ขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพ่อแม่ผู้ปกครองกลัวว่าลูกจะอดก็ซื้ออาหารตุนไว้ที่ บ้าน ทั้งขนมกรุบกรอบ น้ำอัดลม ยิ่งเป็นตัวการที่ทำให้เด็กอ้วนไม่รู้ตัว ดังนั้น สิ่งที่ควรมีติดตู้เย็นไว้มากที่สุด คือ ผลไม้ที่รับประทานง่าย ความหวานน้อย และการเอาใจใส่ของพ่อแม่        เพียงเท่านี้ก็จะเป็นฤดูร้อนที่มีความสุข ห่างไกลความทุกข์ ที่เกิดจากอาหารเป็นพิษนะคะ ที่มา...
Gourmet market Home Fresh Mart – Soup & Salad สดใหม่ สุขภาพดี กับสลัด และซุปสูตรพิเศษ ปรุงด้วย Kuu Ne คูเน่

Gourmet market Home Fresh Mart – Soup & Salad สดใหม่ สุขภาพดี กับสลัด และซุปสูตรพิเศษ ปรุงด้วย Kuu Ne คูเน่

ยุคปัจจุบันที่สังคมและวิถีชีวิตตกเป็นทาสของเวลาและความเร่งรีบ (Speed) วัฒนธรรมอาหารถูกครอบงำด้วยอาหารจานด่วน (Fast Food) โต๊ะอาหารที่ร่อยหรอสมาชิก มีอาหารที่ปรุงง่าย รวดเร็วไม่กี่จาน จนทำให้คุณค่าทางปากะศิลป์หายหน้าไปอย่างรวดเร็วเป็นเหตุที่ทำให้เกิดขบวน การ “Slow Movement” หรือ “ชะลอความเร่งรีบลงเถิด” ก็เพราะผู้คนเริ่มจะเห็นแล้วว่าโลกกำลังเปลี่ยนไปเร็วมาก อะไรๆ ก็ต้องเร่งต้องด่วน อาหาร “ Fast Food” นั้นเป็นหนึ่งในหลายๆ สัญญาณของความร้อนรนที่กลายเป็นแฟชั่นทันสมัย ทั้งๆ ที่มันเป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ จะมีบ้างไหมที่ทำอาหารใส่ใจเรา เหมือนเราทำกินเอง ขอแนะนำ Gourmet market Home Fresh Mart สดใหม่ สุขภาพดี กับสลัด และซุปสูตรพิเศษ ปรุงด้วย Kuu Ne คูเน่ นวัตกรรมผงปรุงครบรสเพื่อสุขภาพ อาหาร การกินเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ ตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบ ใหม่ สด สะอาด การขนส่ง การจัดเก็บ ส่วนประกอบการปรุง และฝีมือในการประกอบอาหาร เพื่อให้ได้รสชาติและคงความคุณค่าคุณประโยชน์ตักเสริฟถึงคุณด้วยสูตรการปรุง จากยอดเชฟมือทอง Gourmet Market กว่า 30 เมนู พร้อมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ มั่นใจได้ว่าคุณได้เลือกสิ่งดีๆ เพื่อคุณและคนที่คุณห่วงใยดูแล ซึ่ง Kuu Ne คูเน่ ผงปรุงครบรสเพื่อสุขภาพ โซเดียมต่ำปลอดสารเคมี ธรรมชาติ 100% ก็ได้รับการเลือกสรรอยู่ในกระบวนการผลิตอาหารสุขภาพในเมนูซุปนานาชนิดแห่ง นี้ เช่นเดียวกับโภชนากรของโรงพยาบาลได้คัดเลือก Kuu Ne คูเน่ เป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหารประจำครัวของโรงพยาบาล ด้วยปฏิธาน Kuu Ne คูเน่ … โภชนาการคุณค่า เพื่อชีวิตที่ยืนยาว วันนี้คุณเลือกได้ หลาย ท่านอาจจะกำลังใช้ชีวิตด้วยความรีบเร่ง เพราะคิดว่าโลกใบนี้กำลังเปลี่ยนไปต้องวิ่งตามโลกให้ทัน ยิ่งการทำธุรกิจนั้นใครเร็วใครได้ ใครแข็งแกร่งผู้นั้นก็จะอยู่รอด ในมุมมองของการทำงาน คำว่า “เร่งรีบ” กับ “รวดเร็ว” ก็มีผลต่อผลงาน และผลกระทบในการทำงานที่ต่างกัน การที่เราเร่งรีบทำให้งานเสร็จเร็วๆ เพื่อให้ได้ผลงานนั้นก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีเสมอไป เพราะผลลัพธ์ของงานอาจเกิดข้อบกพร่องหรือผิดพลาดได้ การสะสมหรือดินพอกหางหมูก็เป็นอีกหนึ่งเหตุที่ทำให้บางคนเร่งรีบทำงานให้ เสร็จเพราะใกล้ถึงเวลาที่กำหนด องค์ประกอบหนึ่งที่นอกเหนือจากตัวเราที่สามารถทำให้งานนั้นสำเร็จได้อย่าง รวดเร็วมากขึ้นคือ เครื่องมือ ที่เข้ามาช่วยในการทำงาน หากเรามีเครื่องมือที่ดี ที่สามารถช่วยให้เราสามารถต่อสู้กับคู่แข่งได้ เลือกเครื่องมือที่สามารถลดขั้นตอนการทำงานบางอย่างที่ยุ่งยากลง ช่วยลดต้นทุน ช่วยให้เราทำงานได้ไวขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ความรวดเร็วอาจช่วยแบ่งเบาความเร่งรีบ ทำให้เราเหลือเวลาในการทำเรื่องอื่นๆ ได้มากขึ้นอีกด้วย พร้อมๆกับการเติมอาหารสมองของเราด้วยคุณค่า คุณประโยชน์ที่แท้จริง ใช่เพียงแต่ถูกปากหากแต่ไม่มีคุณภาพ เกิดภาวะสะสมสารเคมี กระทั่งเจ็บป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อเยียวยารักษา ที่ทำไปทั้งหมดกับความเร่งรืบนี้เพื่อต้องการจุดหมายปลายทางที่การรักษา ฉะนั้นหรือ… ที่รอรับได้ อีกสิ่งหนึ่งที่ทุกท่านไม่ควรมองข้าม ก็คือ ความสุขของชีวิต การใช้ชีวิตที่ไม่เร่งรีบมากจนเกินไป ดำเนินชีวิตทำทุกอย่างให้เป็นปกติและหยุดพักบ้าง เพียงเท่านี้คุณก็จะพบกับความสุข “ความสุขเล็กๆ จุดเริ่มต้นของคุณค่าที่มหาศาล” ส่งต่อความสุขเพื่อสุขภาพดีที่ The Mall Home Fresh Mart ทุกสาขา คุณลองหรือยัง? หากว่า ติดใจในรสชาติอยากจะทำอาหารกินเองบ้าง มองหา Kuu Ne คูเน่ ผงปรุงครบรสเพื่อสุขภาพ โซเดียมต่ำ ชนิดซอง 60g ก็มีจำหน่ายในชั้นวางเครื่องปรุงรสที่ The Mall ทุกสาขาเช่นกัน Kuu Ne คูเน่ … โภชนาการคุณค่า เพื่อชีวิตที่ยืนยาว www.ptpfoods.com facebook/kuunepage line id : OatEcho Mobile phone : 086-791 7007 คมชาญ #อาหาร #ลดความอ้วน #หอมหัวใหญ่ #เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ #ผงปรุงรส #อาหารสุขภาพ #การทำอาหาร #เมนูอาหาร #สูตรอาหาร #อาหารเช้า #เมนูอาหารเช้า #อาหารไทยเพื่อสุขภาพ #คูเน่ #KuuNe...
สารพัดภัยในเครื่องดื่ม ฟรุกโตส หวานทันสมัย

สารพัดภัยในเครื่องดื่ม ฟรุกโตส หวานทันสมัย

9  เหตุผลที่ควรหลีกเลี่ยง…น้ำตาล…    ช่วง เวลาทองของอุตสาหกรรม เครื่องดื่มที่มีรสหวานทั้งหลายคือฤดูร้อนแบบนี้ เพราะมีการสร้างค่านิยมให้ผู้บริโภคดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ หวานๆ เพื่อคลายร้อน ตามท้องตลาดทั่วไปจึงเห็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มรสหวานมากมายหลายยี่ห้อ ชิงชัย ยื้อแย่ง แข่งขันกันอย่างดุเดือด คิดค้นโปรโมชั่นออกมาดึงดูดผู้บริโภคหลากหลาย รูปแบบ           หากประเมินมูลค่าทางการตลาดของเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์มีมูลค่าสูงถึง 2 แสนล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้เครื่องดื่มที่มี ส่วนผสมน้ำตาลมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 1.8 แสนล้านบาท ถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่ามหาศาล แต่ขณะเดียวกัน เครื่องดื่มประเภทนี้ กำลังกัดกร่อนสุขภาพของคนไทย เพราะความหวานจากน้ำตาลที่เป็นส่วนผสมสำคัญของเครื่องดื่มเหล่านี้ ยกตัวอย่าง เช่น ชาเขียวพร้อมดื่ม ในหนึ่งขวดมีน้ำตาลอยู่ถึง 12 ช้อนชา ขณะที่องค์การอนามัยโลกให้ค่าบริโภคน้ำตาลของร่างกายที่เหมาะสมคือ 6 ช้อนชา หรือ 24 กรัมต่อวันเท่านั้น ด้วยเหตุที่อุตสาหกรรมเครื่องดื่มต้องใช้วัตถุดิบสร้างความหวานในปริมาณมาก อุตสาหกรรมนี้จึงหันมาใช้ ฟรุกโตส ไซรัป(Fructose Syrup) หรืออีกชื่อว่า “น้ำเชื่อมข้าวโพด” เพราะให้ความหวานมากกว่า น้ำตาลทรายถึง 6 เท่า อีกทั้งยังอยู่ในรูปของเหลว ไม่ต้องนำมาทำละลายก่อนเข้าสู่ระบวนการผสมลงในอาหารต่างๆ รวมทั้งราคาที่ถูกกว่า ลดค่าขนส่งประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บสินค้า ทำให้ลดต้นทุนการผลิตได้หลายเท่าเมื่อเทียบกับน้ำตาลประเภทอื่นๆ           ทุกวันนี้ ฟรุกโตส ไซรัป จึงถูกนำมา ใช้แทนน้ำตาลในอุตสาหกรรมอาหาร และ หากผู้บริโภคใส่ใจอ่านฉลากวัตถุดิบหรือ ส่วนผสมในอาหารสำเร็จรูปที่จำหน่ายในท้องตลาด จะพบว่า ฟรุกโตส ไซรัป เป็น ส่วนประกอบในอาหารแทบทุกชนิด นับตั้งแต่เครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว ไอศกรีม ไปจนถึงอาหารเสริมสำหรับทารก           นิตยสารไทม์ฉบับวันที่ 23 มิ.ย.2557 ระบุว่า 45 ปีที่ผ่านมา ฟรุกโตส ไซรัป กลายเป็น แหล่งที่มาของพลังงานที่ได้รับความนิยมจากชาวอเมริกัน และมีอัตราการบริโภคสูงสุดเมื่อเทียบกับแหล่งพลังงานอื่นๆ ช่วงเวลานั้นจนถึงปัจจุบัน อัตราการบริโภคฟรุกโตส ไซรัป ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 8,853 เปอร์เซ็นต์ (แปดพันแปดร้อยห้าสิบสามเปอร์เซ็นต์) ขณะที่การบริโภคน้ำตาลทรายแดงลดลง 35 เปอร์เซ็นต์           ดร.เนตรนภิส วัฒนสุชาติ นักโภชนาการ สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในฐานะนักวิชาการทำงานในเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุน การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) อธิบายถึงผลร้ายต่อ สุขภาพของฟรุกโตส ว่าน้ำตาลซูโครสเมื่อเข้าสู่ ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นกลูโคสออกมาในร่างกายไหลเวียนอยู่ในเส้นเลือด เป็นพลังงานใช้เลี้ยงสมอง หากน้ำตาลต่ำหรือกลูโคสต่ำจะเกิดอาการวิงเวียน           ต่างกันฟรุกโตส เมื่อเข้าสู่ไปยังกระแสเลือด ส่วนหนึ่งจะพุ่งตรงเข้าสู่ตับ และนำไปสู่ภาวะไขมันพอกตับ โดยไม่ต้องอาศัยกลไกอินซูลินในการส่งผ่านสู่เซลล์ตับ ในหนึ่งวันถ้าผู้บริโภคกินน้ำตาลฟรุกโตสเกิน 6 ช้อนชา อยู่เป็นประจำ ตัวฟรุกโตสจะเปลี่ยนเป็นไตรกลีเซอไรต์ คือไขมันที่สะสมอยู่ในเลือด เป็นสาเหตุให้มีการสะสมไขมันในตับและบริเวณพุง ก่อให้เกิดโรคอ้วนลงพุงในที่สุด “อีกปัญหาหนึ่งคือฟรุกโตสมีผลต่อการดื้ออินซูลิน ทำให้ตัวเซลล์ที่จะดึงน้ำตาลกลูโคสเข้าไปใช้ไม่สามารถทำงานได้ เพราะฉะนั้น น้ำตาลก็จะอยู่ในเส้นเลือดเกินจนเกิดภาวะเป็นเบาหวาน” ดร.เนตรนภิส กล่าว           ปัจจุบัน น้ำตาลฟรุกโตส นอกจากจะผสมในเครื่องดื่มที่มีรสหวานแล้ว ยังมีขายอยู่ใน ซูเปอร์มาร์เกตชั้นนำในรูปแบบของน้ำเชื่อม ซึ่งผลิตมาจากวัตถุดิบหลัก คือข้าวโพดและมันสำปะหลัง เช่นเดียวกันร้านกาแฟที่กระจายอยู่ทั่วกรุงเทพและตามปั้มน้ำมันทั้งหลายที่ ใช้น้ำเชื่อมในการชงกาแฟ เหล่านี้มาจากฟรุกโตสทั้งสิ้น ซึ่งจะเห็นว่าความหวานจากฟรุกโตส หมุนรอบตัวเรา “ขนมหวานแบบไทยในระบบอุตสาหกรรมเริ่มใช้น้ำเชื่อมฟรุกโตสแล้ว เช่น ขนมหวานใช้กะทิก็ผสมน้ำเชื่อม เพราะข้อดีเมื่อนำไปแช่แข็งแล้วไม่เป็นเกล็ด เวลารับประทานก็นำไปใส่ไมโครเวฟละลายน้ำแข็ง แต่รสชาติของฟรุกโตส จะให้ความหวานแบบเจื่อนๆ” นักโภชนาการ สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าว           ในวงการผลิตน้ำตาลทรายได้โจมตี ความหวานจากฟรุกโตส ว่าเป็นน้ำตาลที่ผ่านขบวนการทางเคมี เพราะการเปลี่ยนเอ็มไซส์ของน้ำตาลต้องใช้สารเคมีเข้าไปย่อยและมีขบวนการฟอก สี ไม่ใช่มาจากธรรมชาติ           ส่วนข้อระวังสำหรับผู้บริโภค ทพ.ญ.ปิยะดา ประเสริฐสม ผู้จัดการเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน กล่าวว่า ในต่างประเทศ อย่างสหรัฐอเมริกา มีทางเลือกสำหรับผู้บริโภคสำหรับเครื่องดื่มที่ผสมน้ำตาลฟรุกโตส กับซูโคส โดยใช้สัญลักษณ์ คือสีที่ฝาเครื่องดื่ม ขณะที่เมืองไทยมีระบุไว้ในฉลากของผลิตภัณฑ์ ว่าใช้น้ำตาลชนิดใด แต่ในอาหารที่ไม่ระบุฉลาก เช่น น้ำปั่น ชาเขียว ชานม กาแฟเย็น ที่ขายเป็นแก้ว ถ้าเลี่ยงได้ควรเลี่ยง หรือบริโภคแต่น้อย           “ฟรุกโตสทำให้คนอิ่มไม่เป็น อย่างเวลาหิว น้ำตาลในกระแสเลือดจะลด สมองจะบอกว่าขาดอาหารแล้วนะ และเมื่อกินจนอิ่ม น้ำตาลในกระแสเลือดจะเริ่มขึ้นเป็นปกติ จึงส่งสัญญาณไปที่สมองว่าอิ่มแล้ว ฮอร์โมนกระตุ้นหิวจะหยุดหลั่ง เราจะกินน้อยลง แต่ฟรุกโตสไม่เกิดกลไกนี้ เพราะย่อยไม่ได้ในลำไส้ปกติ ร่างกายจึงนำไปเก็บไว้ที่ตับ น้ำตาลในกระแสเลือดจึงขึ้นช้ามาก เราก็กินอาหารเข้าไปได้มากขึ้นเรื่อยๆ ฟรุกโตสจึงทำให้เราอร่อยแต่ไม่อิ่ม” ทพ.ญ.ปิยะดา กล่าว           ดังเช่นเครื่องดื่มที่ใช้ฟรุกโตสไซรัปให้ความหวาน มักดื่มเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกพอ ยิ่งดื่มมากเท่าไหร่ ร่างกายก็จะเก็บสะสมฟรุกโตสไว้มากเท่านั้น ซึ่งผลที่ตามมา คือเกิดโรคอ้วน มีไขมันพอกตับ และนักวิจัยยังพบด้วยว่าสมองทำงานผิดปกติด้วย           ต่อไปหากเลี่ยงไม่ได้ ลองอ่านฉลาก ก่อนดื่ม ว่าควรดื่มแค่ไหนถึงจะเหมาะกับร่างกาย หรือถ้าเลือกได้ ควรดื่มเครื่องดื่ม ที่ผลิตแบบง่ายๆ ไม่ผ่านกระบวนการอุตสาหกรรมจะดีกว่า        ...
ไม่อยากอ้วน…กินอย่างไรดี

ไม่อยากอ้วน…กินอย่างไรดี

ไม่อยากอ้วน…กินอย่างไรดี หัวใจ สำคัญ คือ กินอาหารให้ครบหมวดหมู่ โดยเน้นการกินผักให้มากขึ้น กินไขมันให้น้อยลง กินข้าวแป้ง เนื้อสัตว์ และผลไม้พอประมาณ การกินอาหารให้ครบหมวดหมู่อย่างหลากหลายเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ร่างกายได้ รับสารอาหารต่างๆ ที่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย พร้อมกับมีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วย 1.การกินอาหารให้ครบ 3 มื้อ อาหาร มื้อเช้าหรือมื้อกลางวันจะต้องให้พลังงานกับร่างกายมากกว่ามื้อเย็น อาหารเช้าจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า มีสมาธิทั้งในการเรียนและการทำงาน ผู้ที่กินอาหารเช้าทุกวัน จะมีโอกาสเกิดภาวะอ้วน และโรคเบาหวานน้อยกว่าผู้ที่ไม่กินอาหารเช้าถึงร้อยละ 35-50 อาหารเช้าที่เหมาะสมนั้น ควรมีค่าพลังงานและสารอาหารอย่างน้อย 1 ใน 4 หรือร้อยละ 25 ของปริมาณที่ควรจะได้รับตลอดวัน ส่วนมื้อกลางวันและมื้อเย็นควรอยู่ที่ร้อยละ 35 และร้อยละ 30 ตามลำดับ และที่เหลือเป็นอาหารว่าง ร้อยละ 10 หลีกเลี่ยงอาหารว่างหรืออาหารระหว่างมื้อ อาหาร ระหว่างมื้อนี้ไม่มีความจำเป็นต่อผู้ใหญ่ทั่วไป ยกเว้นในเด็กที่ต้องการการเจริญเติบโตและในคนบางกลุ่มที่อาจมีปัญหาในการ ย่อยและดูดซึมที่ต้องกินอาหารครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยครั้งขึ้น อาหารว่างระหว่างการประชุมเป็นมูลเหตุสำคัญที่ทำให้คนเราได้รับพลังงานมาก เกินไป ควรระวังไม่ดื่มชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มประเภทมอลต์รสช็อกโกแลตมากเกินไป โดยเฉพาะที่เป็นเครื่องดื่มปรุงสำเร็จประเภท “ทรีอินวัน” ซึ่งจะให้พลังงานมากกว่าการชงดื่มเอง 3.อาหารไขมัน ตัวการความอ้วน สาร อาหารที่ให้พลังงานกับร่างกายสูงมากที่สุดคือไขมัน ซึ่ง 1 กรัมของไขมันให้พลังงานมากถึง 9 กิโลแคลอรี การลดการกินไขมันลง จะช่วยควบคุมไม่ให้ได้รับพลังงานเกินความต้องการได้ จึงควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภททอด หรือผัดที่มีการใช้น้ำมันมากๆ นอกจากนี้ยังต้องระวังไม่กินอาหารประเภทเนื้อสัตว์มากเกินไปด้วย ปรับเปลี่ยนวิธีการประกอบอาหารเป็นการต้ม นึ่ง ย่าง แทนการทอด ผัด อาหารที่มีไขมันอีกชนิดที่ต้องระมัดระวังด้วย คือ ส่วนประกอบของเนย นม ไข่แดง กะทิ เช่น ผลิตภัณฑ์เบเกอรีต่างๆ จำพวก เค้ก คุกกี้ พาย น้ำสลัด ไอศกรีม เป็นต้น 4.กินข้าวแป้งแต่พอดี ไม่อ้วน อาหาร กลุ่มข้าวแป้ง แม้ว่าจะให้พลังงานน้อยกว่าไขมัน แต่สามารถถูกเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมในร่างกายได้ง่าย จึงควรกินแค่พอประมาณ คือประมาณมื้อละ 2-3 ทัพพี ในคนที่ต้องการลดน้ำหนักจะต้องลดปริมาณลงจากที่เคยกิน เช่น ลดจาก 4 ทัพพีเป็น 3 ทัพพี เป็นต้น ร่วมกับการระวังไม่กินไขมันมากเกินไปและการออกกำลังกายเพิ่มขึ้นบ้าง จะทำให้น้ำหนักลดลงได้ประมาณ 2 กิโลกรัมต่อเดือน ซึ่งถือว่าเป็นการลดน้ำหนักที่ค่อยเป็นค่อยไปโดยที่ไม่เกิดผลเสียกับสุขภาพ 5.ผัก ผลไม้ เส้นใยอาหาร กับการลดน้ำหนัก ผัก มีส่วนประกอบของเส้นใยอาหารมาก นอกจากช่วยในการขับถ่ายแล้ว ยังช่วยทำให้รู้สึกอิ่ม และทำให้ได้รับสารธรรมชาติที่เป็นประโยชน์กับร่างกายด้วย ถ้าเป็นไปได้อาหารทุกมื้อจำเป็นต้องมีผักเป็นส่วนประกอบ ด้วยการกินผักให้ได้วันละประมาณ 6 ทัพพี ส่วนการกินผลไม้ แนะนำให้กินแค่พอประมาณ คือครั้งละ 6-8 ชิ้นคำ วันละ 2-3 ครั้ง หลายคนมักเข้าใจผิดว่ามื้อเย็นไม่กินข้าว ขอกินผลไม้แทน พบว่าไม่ทำให้น้ำหนักลดลงแต่อย่างใด เพราะผลไม้ที่กินบางชนิดมีน้ำตาลและพลังงานค่อนข้างมากตามปริมาณที่กิน 6.กินอาหารโปรตีนสูง เพื่อลดน้ำหนัก แนว คิดของการกินอาหารโปรตีนสูง คาร์โบไฮเดรตต่ำ เพื่อลดน้ำหนัก ซึ่งมักเรียกกันว่า อาหาร “Low Carb” ที่เน้นให้กินอาหารประเภทโปรตีน เช่น เนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ ไข่ มากขึ้นโดยไม่จำกัด แต่ให้ลดการกินข้าว แป้ง น้ำตาล รวมทั้งคาร์โบไฮเดรตที่อยู่ในผัก ผลไม้ และนมลงด้วย แม้ว่าจะทำให้น้ำหนักลดลงได้จริง แต่ก็มีผลข้างเคียงของการมีสารคีโทนมากๆ คือ คลื่นไส้ ปวดศีรษะ และลมหายใจมีกลิ่นคล้ายสารระเหยออกมา การกินอาหารแบบนี้ในระยะยาวจะเพิ่มภาระการทำงานแก่ตับและไต และยังทำให้ได้รับไขมันประเภทอิ่มตัวที่มากับเนื้อสัตว์สูงขึ้นด้วย จึงมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจมากขึ้น และการไม่ได้รับผักผลไม้มากเพียงพอ ก็เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งมากขึ้นด้วย ที่มา : https://www.facebook.com/folkdoctorthailand/posts/10153224988412028:0 หากว่า ต้องการตัวช่วยในการควบคุมน้ำหนัก ลดไขมัน ควบคุมระดับน้ำตาล เร่งการเผาผลาญ ปลอดสารเคมี ผลิตจากธรรมชาติ อุดมด้วยแร่ธาตุวิตามิน ผลงานวิจัยค้นคว้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับ ม.เกษตรฯ ขอแนะนำ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Kuu Ne F&F คูเน่ เอฟแอนด์เอฟ  http://www.ptpfoods.com/2015/02/kuune-f.html...
5 เหตุผลที่ช่วยให้การตัดสินใจเลือกหาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ได้ถูกต้องและมั่นใจ

5 เหตุผลที่ช่วยให้การตัดสินใจเลือกหาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ได้ถูกต้องและมั่นใจ

ในท้องตลาดทุกวันนี้ มีผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ จำนวนมาก ของจริงดีแท้มีแน่ แต่ของแย่ๆ  โฆษณาแอบอ้างเกินจริงแต่งเติมปลอมปนสารต้องห้าม  ไม่ก็สารเคมีก็แยะ แล้วผู้บริโภคจะรู้ได้อย่างไรละ?     5 เหตุผลที่ช่วยให้การตัดสินใจได้ถูกต้องและมั่นใจขึ้น   1. ผลิตภัณฑ์ผ่านการวัจัยค้นคว้าจากสถาบัน / องค์กรเป็นที่ยอมรับ 2. ผลิตภัณฑ์ผ่านการตรวจวิเคราะห์ จากสถาบันที่เชื่อถือได้  3. ผลิตและจำหน่ายโดยบริษัท หรือ องค์กร ที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีตรง 4. ได้รับเครื่องหมายรับรองถูกต้อง 5. ตรวจสอบฉลากบอกรายละเอียดครบถ้วน   ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ โดยบริษัท ปกธนพัฒน์ จำกัด   คูเน่  ผงปรุงครบรสซองสีแดง สูตรธรรมดา คูเน่ ผงปรุงครบรสซองสีขาว สูตรโซเดียมต่ำ     คูเน่ F&F เสริมอาหารควบคุมน้ำหนัก   ผลงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมผ่านการตรวจวิเคราะห์จากสถาบันอาหาร และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ภายใต้มาตรฐานการผลิต GMP ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช)  สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม  กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์     หนึ่งในผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ คูเน่ จากเดิมคุณป้าและคุณลูกหาซื้อที่ห้างฯ มาใช้แล้วถูกใจ   เป็นลูกค้าประจำ เลือกทำเมนูอาหารสุขภาพมากมาย จนวันนี้ต้องสั่งซื้อจำนวนมาก  มีโอกาสได้พูดคุยกันถึงบางอ้อ คุณป้า อายุปัจจุบัน 76 คุณลูก 54 ทุกคนกระฉับกระเฉง สุขภาพดียิ้มแย้มแจ่มใสอารมณ์ดี ดูภาพไม่เชื่อสายตาขออนุญาตดูบัตรประจำตัวประชาชน ผิวหนังร่องรอยมีน้อยมากสุขภาพดีจริงๆ คุณน้าครับ     www.ptpfoods.com www.facebook.com/kuunepage Line id : OatEcho คมชาญ 086-791 7007...
สุขภาพ เป็นพื้นฐานสำคัญในการดำรงชีวิต…  และสุขภาพกับคุณภาพชีวิต

สุขภาพ เป็นพื้นฐานสำคัญในการดำรงชีวิต… และสุขภาพกับคุณภาพชีวิต

สุขภาพ เป็นพื้นฐานสำคัญในการดำรงชีวิต…       “สุขภาพ” ตามคำนิยามขององค์การอนามัยโลก หมายถึง ความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกาย จิตใจ สังคม และ จิตวิญญาณ ซึ่งความสมบูรณ์ของร่างกายคือการที่ร่างกายของเรามีความแข็งแรง คล่องแคล่ว ไม่เป็นโรค และไม่พิการ ความสมบูรณ์ทางจิตคือ การที่เรามีจิตใจที่เป็นสุข ร่าเริง มีสติ ความสมบูรณ์ทางสังคมคือ การอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ดี มีครอบครัวที่อบอุ่น ชุมชนเข้มแข็ง และความสมบูรณ์ทางจิตวิญญาณเกิดขึ้นเมื่อเราทำความดี เช่น รู้จักการเสียสละ มีความเมตตากรุณา เป็นต้น สุขภาพที่ดีจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับทุกคน ผู้ ที่มีสุขภาพดี สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มความสามารถ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ควรจะดูแลรักษาสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อการเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ ร่างกายเจริญเติบโตและมีพัฒนาการอย่างสมวัย เรียนรู้และเข้าใจ สุขศึกษาและพลศึกษา สุขศึกษา และพลศึกษา เป็นการศึกษาด้านสุขภาพสู่การมีสุขภาพดี อันมีเป้าหมายเพื่อการดำรงสุขภาพ การสร้างเสริมสุขภาพและการพัฒนา คุณภาพชีวิต ของบุคคล ครอบครัว และชุมชนให้ยั่งยืน สุขศึกษา มุ่งเน้นให้ผู้เรียนพัฒนาพฤติกรรม ด้านความรู้ เจตคติ คุณธรรม ค่านิยม และการปฏิบัติเกี่ยวกับสุขภาพควบคู่ไปด้วยกัน พลศึกษา มุ่งเน้นให้ผู้เรียนใช้กิจกรรมการเคลื่อนไหว การออกกำลังกาย การเล่นเกมและกีฬาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาโดยรวม ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม สติปัญญา รวมทั้งสมรรถภาพเพื่อสุขภาพและกีฬา โดยมีสาระในการเรียนรู้ 5 กลุ่ม คือ การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับธรรมชาติของ การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโต ความสัมพันธ์เชื่อมโยงในการทำงานของระบบต่างๆของร่างกาย รวมถึงวิธีปฏิบัติตนเพื่อให้เจริญเติบโตและมีพัฒนาการที่สมวัย ชีวิตและครอบครัว เป็นการเรียนรู้เรื่องคุณค่าของตนเองและครอบครัว การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ความรู้สึกทางเพศ การสร้างและรักษาสัมพันธภาพกับผู้อื่น สุขปฏิบัติทางเพศ และทักษะในการดำเนินชีวิต การ เคลื่อนไหว การออกกำลังกาย การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากล เป็นการเรียนรู้เรื่องการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ การเข้าร่วมกิจกรรมทางกายและกีฬา ทั้งประเภทบุคคล และประเภททีมอย่างหลากหลายทั้งไทยและสากล การปฏิบัติตามกฎ กติกา ระเบียบ และข้อตกลงในการเข้าร่วมกิจกรรมทางกายและกีฬา และความมีน้ำใจนักกีฬา การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค เป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับหลักและวิธีการเลือกบริโภคอาหาร ผลิตภัณฑ์และบริการสุขภาพ การสร้างเสริมสมรรถภาพเพื่อสุขภาพ และการป้องกันโรค ทั้งโรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อ ความปลอดภัยในชีวิต นักเรียนจะได้เรียนรู้เรื่องการป้องกันตนเองจากพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ ทั้งความเสี่ยงต่อสุขภาพ อุบัติเหตุ ความรุนแรง อันตรายจากการใช้ยาและสารเสพติด รวมถึงแนวทางในการสร้างเสริมความปลอดภัยในชีวิต ที่มา :  http://healthykid.moph.go.th/index.php/2013-05-21-07-22-50 สุขภาพกับคุณภาพชีวิต โดย อาจารย์อรวรรณ  น้อยวัฒน์         ประเทศ ไทยมีเป้าหมายทางการแพทย์และการสาธารณสุขที่สำคัญประกอบด้วย 2 ส่วน คือ การมีอายุยืนยาวและการมีคุณภาพชีวิตที่ดี   การที่ประชาชนมีสุขภาพแข็งแรงในทุกช่วงวัยทำให้มีอายุยืนยาวเมื่อเข้าสู่ วัยผู้สูงอายุ ซึ่งการมีอายุยืนยาวไม่เจ็บป่วยเป็นโรค เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต  เนื่องจากคุณภาพชีวิตประกอบด้วยสุขภาพในหลายด้านรวมกัน ได้แก่ สุขภาพด้านกายภาพ (physical health)  สุขภาพด้านจิตใจ (mental health) สุขภาพด้านสังคม (social health)  และภาวะสุขภาพโดยทั่วไป (general health)  โดยองค์การอนามัยโลกได้ให้คำนิยามของ  “สุขภาพ” ว่าไม่ใช่แต่เพียงการปราศจากโรค แต่หมายถึงการมีความสมบูรณ์ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม  ซึ่งจะสอดคล้องกับนิยามของคุณภาพชีวิตที่กล่าวว่า  “คุณภาพชีวิต” เป็นการรับรู้ความพึงพอใจและสถานะของบุคคลในการดำรงชีวิตในสังคม โดยจะสัมพันธ์กับเป้าหมายและความคาดหวังของตนเอง ภายใต้บริบทของวัฒนธรรม ค่านิยม มาตรฐานของสังคม และสิ่งอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง (The WHOQOL group, 1994 อ้างถึงใน วรรณา กุมารจันทร, 2543: 4)         โดยทั่วไปแล้วบุคคลที่มีสุขภาพที่สมบูรณ์ประกอบไปด้วย 3 ส่วน คือ 1) สุขภาพทางกาย (Physical Health) คือ มีสภาพร่างกายที่ดี ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ และมีการพัฒนาที่เหมาะสมกับวัย สังเกตได้จากการที่บุคคลนั้นมีความสมบูรณ์แข็งแรง ระบบและอวัยวะทุกส่วนทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพ  ร่างกายมีสมรรถภาพสูง สามารถทำงานได้นาน ๆ โดยไม่เหนื่อยง่าย  การนอนและการพักผ่อนเป็นไปตามปกติ ผิวพรรณผุดผ่อง รูปร่างทรวดทรงสมส่วน เป็นต้น  2) สุขภาพทางจิต (Mental Health) คือ มีสภาพจิตปกติ สามารถปรับตัวให้เข้ากับบรรยากาศของสังคมได้ทุกระดับชั้น สามารถควบคุมอารมณ์ได้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งผู้มีสุขภาพจิตดี ย่อมมีผลมาจากสุขภาพกายดีด้วย หรือคำกล่าวที่ว่า “จิตใจที่แจ่มใส ย่อมอยู่ในร่างกายที่สมบูรณ์”  3) สุขภาพทางสังคม (Social Health) คือ การมีสภาพของความเป็นอยู่หรือการดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข ไม่ทำให้ผู้อื่นหรือสังคมเดือดร้อน  สามารถเข้ากับบุคคลและชุมชนได้ทุกสถานะอาชีพ ไม่เป็นคนถือตัว ไม่เป็นคนเอารัดเอาเปรียบบุคคลอื่น เป็นที่เคารพรักและเป็นที่นับถือของคนทั่วไป ส่วนคุณภาพชีวิตที่ดีนั้นประกอบด้วย 4 ด้าน คือ  1) ด้านร่างกาย ได้แก่ โครงสร้างทางร่างกายและสุขภาพร่างกาย รวมถึงด้านบุคลิกภาพด้วย 2) ด้านจิตใจ ได้แก่ สภาพจิตใจและสุขภาพจิต รวมถึงด้านคุณธรรมและจริยธรรมด้วย  3) ด้านสังคม ได้แก่ สถานะทางสังคม ยศ ตำแหน่ง เกียรติยศชื่อเสียง การยอมรับนับถือ รวมถึงการมีมนุษยสัมพันธ์กับผู้อื่นด้วย 4) ด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ สถานะทางเศรษฐกิจการเงินและรายได้ที่มั่นคง  จากองค์ประกอบของชีวิตเหล่านี้ ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะกฎของธรรมชาติ คือ มีการเกิด มีแก่ มีเจ็บ และมีการตายจากไป จึงทำให้มนุษย์เกิดความต้องการด้านต่างๆ ที่จะเป็นแนวทางในการพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อมุ่งความสำเร็จให้แก่ตนเองสืบต่อ ไป เมื่อนำเรื่องสุขภาพมาพิจาราณาประกอบกับเรื่ององค์ประกอบของคุณภาพชีวิต แล้วจะพบว่า องค์ประกอบของการมีสุขภาพดีทั้งด้านร่างกาย  จิตใจ  และสังคม  เป็นส่วนหนึ่งขององค์ประกอบการมีคุณภาพชีวิตที่ดี         ดัง นั้น การพัฒนาตนเองเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี จึงควรพัฒนาสุขภาพในด้านร่างกาย ได้แก่  การให้ความสำคัญกับสุขภาพ  การบริโภคอาหารอย่างถูกสุขลักษณะ  การพักผ่อนให้เพียงพอ การออกกำลังเป็นประจำ เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์  การพัฒนาทางด้านอารมณ์ ได้แก่ การสร้างเสริมสุขภาพจิตที่ดี รู้จักควบคุมอารมณ์  การทำงานอดิเรกที่ชื่นชอบ การเข้าร่วมกิจกรรมสันทนาการ การฝึกสมาธิ  การพัฒนาทางด้านสังคม อันได้แก่ การเข้า ร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆ หรือจากหน่วยงานต่างๆ ที่จัดขึ้น การใช้เวลาว่างบำเพ็ญประโยชน์เพื่อชุมชน...
Page 4 of 6« First...23456